Sergio Viudes Carbonell เป็นหัวเรือใหญ่ของ Baviux มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อ 7 ปีก่อน และบริหารงานเองทุกด้านตั้งแต่การตลาด การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงงานครีเอทีฟ เขาดูแลบริษัทแห่งนี้ในเมืองเอลเช จังหวัดอาลิกันเต ประเทศสเปน ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจซึ่งรับหน้าที่ดูแลระบบการดำเนินงาน
Sergio ทำงานร่วมกับ Google AdMob เพื่อลงโฆษณาในทุกแอปของ Baviux ทั้งแอปประเภทเกมและประเภทอื่นๆ มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เขามักจะมองหาโฆษณารูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้แอป รักษารายได้ให้อยู่ในระดับสูง และสนับสนุนโมเดลการซื้อในแอป (IAP) อยู่เสมอ
เมื่อเร็วๆ นี้ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้า AdMob ที่ทำงานร่วมกับ Sergio ได้แนะนำให้ลองใช้โฆษณาที่มีการให้รางวัล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแบบ "รวมทุกด้าน" ที่เขาวางไว้ Sergio ทดสอบโฆษณารูปแบบใหม่นี้เป็นครั้งแรกกับแอป Voice Changer ของบริษัทซึ่งผู้ใช้สามารถดัดแปลงเสียงที่บันทึกไว้ด้วยเอฟเฟกต์ต่างๆ เช่น "ฮีเลียม" "หุ่นยนต์" และ "ซอมบี้" โดย Sergio สามารถนำเสนอประสบการณ์การใช้งานฟรีแก่ผู้ใช้แอป Voice Changer ได้ผ่านโฆษณาที่มีการให้รางวัล และผลลัพธ์ที่ได้คือรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโฆษณารูปแบบนี้
ค้นหาวิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้า
Sergio ต้องการให้บริการเนื้อหาของ Voice Changer ฟรี และสร้างรายได้ของแอปจาก IAP เพียงอย่างเดียว โดยให้ผู้ใช้ปลดล็อกเอฟเฟกต์เสียงทั้ง 5 แบบเมื่อทำการซื้อในแอป แม้ว่าก่อนหน้านี้ Sergio จะมองหาวิธีอื่นๆ ในการเพิ่มรายได้ แต่เขาก็ยังไม่พบโซลูชันที่ช่วยรักษาคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ได้
ในที่สุดเขาก็เล็งเห็นว่าโฆษณาที่มีการให้รางวัลมีโอกาสการสร้างรายได้ที่เทียบเท่ากับ IAP โดยไม่ขัดขวางขั้นตอนในเส้นทางของผู้ใช้ และเนื่องจากได้ทำงานร่วมกับ AdMob มาตั้งแต่ปี 2011 เขาจึงเชื่อว่านโยบายของ AdMob จะช่วยยืนยันถึงโฆษณาที่มีคุณภาพสูงได้ Sergio มองว่าหากลงโฆษณาที่มีการให้รางวัลแทน IAP ได้ ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของ Voice Changer ได้ฟรี และ Baviux จะสามารถสร้างรายได้จากผู้ใช้ที่ไม่เคยทำการซื้อในแอป
การผสานรวมโฆษณาที่รวดเร็วและง่ายดาย
Sergio ร่วมมือกับทีมดูแลบัญชี Google เพื่อออกแบบการทดสอบว่าโฆษณาที่มีการให้รางวัลจะสร้างรายได้เทียบเท่ากับ IAP หรือไม่ สำหรับผู้ใช้จำนวนครึ่งหนึ่ง ทีมได้เสนอตัวเลือกการปลดล็อกเอฟเฟกต์เสียงทั้งหมด 5 แบบพร้อมกันเมื่อทำการซื้อเพียงครั้งเดียว และแสดงโฆษณาที่มีการให้รางวัล 1 รายการสำหรับเอฟเฟกต์เสียงแต่ละแบบต่อผู้ใช้ที่เหลือ ผู้ใช้กลุ่มนี้สามารถดูโฆษณาทั้ง 5 รายการได้อย่างต่อเนื่องหากต้องการ โดยไม่มีช่วงรอระหว่างแสดงโฆษณา ซึ่งทีมทำการทดสอบ A/B นี้กับระบบ Android ผ่านการกำหนดค่าระยะไกลใน Firebase
การผสานรวมโฆษณาที่มีการให้รางวัลใน Voice Changer นั้นใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 วันเท่านั้น
"AdMob ระบุขั้นตอนไว้ในเอกสารได้เป็นอย่างดี" Sergio กล่าว "ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่ครั้งแรก" เขาทำการทดสอบ A/B นี้เป็นเวลา 2 เดือนเพื่อวัดยอดการดาวน์โหลด ประสบการณ์ของผู้ใช้ และรายได้โดยรวม
ซึ่งหากสร้างรายได้ต่ำกว่า IAP ทีมก็จะไม่ผสานรวมโฆษณาที่มีการให้รางวัล และกลับไปใช้โมเดลการสร้างรายได้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ทีมจะผสานรวมโฆษณาประเภทนี้ก็ต่อมีรายได้ที่เทียบเท่าหรือดีขึ้น เนื่องจากต้องการเน้นที่การยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ และ Sergio ทราบว่ายิ่งผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดี ก็จะยิ่งมีแนวโน้มแนะนำแอปนี้กับคนอื่นๆ มากขึ้น สุดท้ายผลลัพธ์ที่ Baviux ได้คือผู้ใช้พึงพอใจมากขึ้น อีกทั้งรายได้ก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย
ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีขึ้นและไม่เสียค่าใช้จ่าย
โฆษณาที่มีการให้รางวัลเพิ่มรายได้ทั้งหมดได้ถึง 25% รวมทั้งจากช่องทาง IAP ด้วย ตอนนี้ผู้ใช้ต่างก็มีเสียงตอบรับที่ดีจากประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงเอฟเฟกต์เสียงได้ฟรีเพียงดูโฆษณาสั้นๆ
"เราได้รับรีวิวแอปที่ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน" Sergio กล่าว "และเรายังได้รับอีเมลที่ผู้ใช้ส่งมาขอบคุณ พร้อมบอกว่าชอบตัวเลือกใหม่นี้มาก" ผลลัพธ์ที่ดีนี้ส่งผลให้ Baviux ตัดสินใจผสานรวมโฆษณาที่มีการให้รางวัลควบคู่ไปกับ IAP ขณะนี้ Baviux ใช้โฆษณาที่มีการให้รางวัลกับ 3 ใน 7 แอปที่ให้บริการ และวางแผนว่าจะลงโฆษณาในแอปที่ 4 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา
ปัจจุบัน Sergio ทำงานร่วมกับ AdMob เพื่อใช้โฆษณาในหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น แบนเนอร์แบบปรับขนาดได้ นอกจากนี้ Baviux ยังวางแผนเพิ่มเงินลงทุนกับการสร้างเกมใหม่ๆ และรักษาความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงานที่ดีกับ AdMob ต่อไป "เราเป็นพาร์ทเนอร์กันมาหลายปีแล้ว และเราก็รู้สึกประทับใจมากๆ" Sergio กล่าว