BGNmobi เพิ่มรายได้จากโฆษณา 60% ด้วย AdMob และ Firebase

ทีมเบื้องหลัง BGNmobi คือผู้มอบประสบการณ์ใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ทั้งชาญฉลาด รวดเร็ว และปลอดภัยมากกว่าเดิมผ่านแอปต่างๆ ด้านความปลอดภัยและยูทิลิตี และทีมก็ยังมีไอเดียใหม่ๆ เสมอ เรียกได้ว่ามีโปรเจ็กต์มากมายเต็มไปหมด

"มีไอเดียดีๆ รอให้เรานำมาใช้ตลอด" Burak Göncü ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ BGNmobi กล่าว "เราเปิดตัวแอปแรกในปี 2011 แต่ถึงตอนนี้ก็ยังมีเรื่องคิดว่าจะทำเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่มีวันจบ"

นักพัฒนาแอประดับโลกตัดสินใจว่าจะต้องทำความเข้าใจผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ 10 ล้านคนใน App Locker, DNS Changer และแอปอื่นๆ ให้ดีขึ้นเพื่อช่วยจัดลำดับความสำคัญ บริษัทอยากทราบความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการและไม่ต้องการจ่ายเงิน เพื่อหาวิธีสร้างรายได้จากประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการจ่ายเงิน

BGNmobi ตัดสินใจใช้การกำหนดค่าระยะไกลของ Firebase เพื่อทดสอบรูปแบบโฆษณา AdMob ต่างๆ การกำหนดค่าระยะไกลทำให้นักพัฒนาแอปสามารถควบคุม เปลี่ยนแปลง และเพิ่มประสิทธิภาพหน้าตาและพฤติกรรมของแอปแบบไดนามิกโดยไม่ต้องเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ ซึ่งเพิ่มรายได้ 60% และนำเสนอเนื้อหาพรีเมียมให้ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการจ่ายเงินได้ด้วยโฆษณาที่มีการให้รางวัล โดยไม่ส่งผลเสียต่อการคงผู้ใช้ไว้

GNmobi เคยทำงานกับ Google มาระยะหนึ่งแล้วจึงทราบดีว่า AdMob และ Firebase คือเครื่องมือที่บริษัทต้องการสำหรับเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ใช้

"เราใช้ Firebase ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้" Göncü กล่าว

เมื่อทีม BGNmobi พบว่ามีไอเดียใหม่มากเกินไปในการเพิ่มประสิทธิภาพแอป จึงตัดสินใจว่าสิ่งที่ต้องทำคือทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด เมื่อใช้การกำหนดค่าระยะไกลของ Firebase ทีมสามารถทดสอบไอเดียต่างๆ กับกลุ่มผู้ใช้เล็กๆ แบบสุ่ม แล้ววัดค่าผลกระทบต่อ KPI สำคัญได้แก่ การคงผู้ใช้ไว้และรายได้ บางครั้งฟีเจอร์ใหม่อาจเพิ่ม KPI บางรายการแต่ลดรายการอื่น BGNmobi จึงต้องลำดับความสำคัญ KPI เป้าหมายก่อนที่จะเริ่มทดสอบ และตรวจสอบเมตริกประสิทธิภาพก่อนเปิดตัวฟีเจอร์หรือทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อผู้ใช้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบรูปแบบโฆษณาประเภทต่างๆ และวิเคราะห์ว่าส่งผลอย่างไรต่อ Conversion, การมีส่วนร่วม รายได้ และ KPI อื่นๆ ในแอปต่างๆ

BGNmobi ใช้โฆษณาเนทีฟใน AppLocker ตั้งแต่แรก และต้องการตรวจสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างโฆษณาเนทีฟกับรูปแบบโฆษณาอื่นๆ ของ AdMob โฆษณาเนทีฟและโฆษณาแบนเนอร์มีหน้าตาและวิธีทำงานคล้ายกัน BGNmobi จึงไม่คาดหวังว่าจะเห็นผลกระทบต่อการคงผู้ใช้ไว้ ดังนั้นบริษัทจึงเลือกรายได้จากโฆษณาเป็น KPI ที่ทดสอบ บริษัทใช้การกำหนดค่าระยะไกลของ Firebase ทำการทดสอบนาน 4 สัปดาห์ โดยผู้ใช้ทั่วโลกครึ่งหนึ่งเห็นโฆษณาเนทีฟ และอีกครึ่งหนึ่งเห็นโฆษณาแบนเนอร์ ผลลัพธ์คือโฆษณาแบนเนอร์ทำรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้น 60% อย่างน่าประทับใจ

"เราไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ผลดีขนาดนี้" Göncü กล่าว "โดยทั่วไปแล้ว โฆษณาเนทีฟมักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าโฆษณาแบนเนอร์"

Göncü ยกความดีความชอบจากความสำเร็จในการทดสอบให้กับการที่รูปแบบโฆษณาแบนเนอร์ใช้เวลาในการโหลดเร็วกว่าในหน้าจอล็อกของ AppLocker เวลาแสดงโดยเฉลี่ยของหน้าจอล็อกคือประมาณ 4 วินาที ดังนั้นเวลาที่ใช้ในการโหลดจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าๆ

หลังจากประสบความสำเร็จขั้นเริ่มต้น BGNmobi ทำการทดสอบกับโฆษณาเปิดแอปใน 50% ของฐานผู้ใช้ทั่วโลก และพบว่ารายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้น 15% โดยยังสามารถคงอัตราการคงผู้ใช้ไว้ที่ระดับเท่าเดิม ขณะนี้บริษัทใช้โฆษณาเปิดแอปใน 7 แอปจาก 8 แอปของบริษัท

จากนั้นนักพัฒนาแอปจึงกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่ไม่ต้องการจ่ายเงินในแอป DNS Charger เมื่อผู้ใช้ปิดหน้าจอการสมัครใช้บริการ โฆษณาที่มีการให้รางวัลจะแสดงต่อผู้ใช้ทั่วโลกครึ่งหนึ่งและเสนอให้ใช้แอปและฟีเจอร์พรีเมียมได้ฟรีในเวลาจำกัด ส่วนผู้ใช้อีกครึ่งหนึ่งไม่ได้รับข้อเสนอนี้

"โฆษณาที่มีการให้รางวัลเพิ่มรายได้โดยรวมถึง 5% โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการคงผู้ใช้ไว้" Göncü กล่าว "นี่เป็นรายได้ทั้งจากการสมัครใช้บริการและโฆษณา"

Göncü กล่าวว่าทีมจะขยายการใช้ AdMob, การกำหนดค่าระยะไกลของ Firebase และผลิตภัณฑ์ Firebase อื่นๆ เขากล่าวว่าการทำความเข้าใจลูกค้าคือหลักสำคัญที่จะช่วยให้เติบโตในอนาคต

"เราต้องการใช้ Google AdMob และ Firebase ขยายระบบนิเวศเพื่อให้ได้ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่อีก 10 ล้านคน" Göncü กล่าว